ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า รถยนต์เอสยูวีร่างยักคันนี้ เพิ่งจะทำลายสถิติความเร็วทางเรียบอย่างเป็นทางการ ด้วยความเร็ว 230.02-ไมล์ต่อชั่วโมง (370.18-กิโลมเตรต่อชั่วโมง) เป็นผลให้ Land Cruiser คันนี้ ขึ้นแท่นเป็นรถเอสยูวีที่เร็วที่สุดในโลกอย่างไม่ต้องสงสัย

ทีม Toyotas Motorsport Technical Centre ผู้ออกแบบและสร้างจรวดทางเรียบคันนี้ ได้ตั้งใจจะทำลายสถิติของ Brabus Bi-Turbo V12 GLK รถยนต์เอสยูวีที่ครองตำแหน่งเร็วที่สุดในโลกมาตั้งแต่ปี 2009 โดยในครั้งนั้น GLK ได้ทำสถิติความเร็วไว้ที่ 211-ไมล์ต่อชั่วโมง (339.57-กิโลเมตรต่อชั่วโมง)

Brabus Bi-Turbo V12 GLK

และแล้ว อสุรกายก็ได้ถือกำเนิดขึ้น เมื่อ Toyotas Motorsport Technical Centre ได้จับเอาเอสยูวีสำหรับครอบครัวประจำตระกูลสามห่วง มาโมดิฟายแบบสุดขั้วจนแทบจะไม่มีคำว่า รถครอบครัว หลงเหลือไว้อีกต่อไป...

Toyota Land Cruiser

เครื่องยนต์ยังคงมีเลย์เอาท์เป็นแบบ V-8 แต่ได้ทำการขึ้นบล็อกใหม่ ทั้งตัวลูกสูบและก้านสูบเอง ก็ถูกสร้างขึ้นใหม่ทั้งหมด โดยไส้ในและตัวเสื้อเองนั้น สามารถรองรับแรงม้าได้มากถึง 4,000-แรงม้า!!

เครื่องยนต์ V8 สร้างขึ้นใหม่ทั้งตัว

เกียร์สเปครถแข่งแดร็ก

ระบบส่งกำลังที่ติดมากับเครื่องนั้น ได้ถูกถอดทิ้งอย่างไม่ปราณี และเสื้อเกียร์ที่มาประจำการแทนที่ ก็เป็นเกียร์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อรถแข่งแดร็กโดยเฉพาะ ซึ่งสามารถรองรับแรงม้าได้มากถึง 3000-แรงม้า

55-PSI คือตัวเลขของบูสต์สูงสุดที่สร้างได้จากเทอร์โบ บอล-แบริ่ง ขนาดมหึมาโดยสำนัก Garrett และถึงแม้ว่าตัวเครื่องจะสามารถรับแรงม้าได้อย่างมหาศาล แต่ทีมงาน ...ก็ตัดสินใจที่จะเค้นกำลังจากออกมาใช้แบบพอเหมาะพอเจาะ ...แค่ประมาณ 1,900-แรงม้าเท่านั้นเอง!!

โคมไฟตัดหมอก ได้เปลี่ยนให้เป็นทางเข้ากรองไอดี

หลังกรองอากาศก็เป็นที่สถิตย์ของเทอร์โบขนาดยักษ์

ช่วงล่างของเอสยูวีปิศาจคันนี้ ถูกพัฒนาโดย TRD (Toyota Racing Development)อย่างเบ็ดเสร็จสมบูรณ์ ด้วยการเซ็ท-อัพให้รถมีความเตี้ยลงกว่าเดิมถึง 5-นิ้ว ทำให้ Land Cruiser คันนี้ กลายเป็น กระสวยทางเรียบ ดีดีนี่เอง...

จากระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ก็ได้ถูกตัดตอนให้เหลือเพียง สอง-ล้อง-หลัง และเนื่องจากว่าการส่งกำลังทั้งหมดนั้น ถูกส่งต่อไปที่ล้อคู่หลัง การสร้างแรงกดให้กับล้อหลังขณะที่วิ่งด้วยความเร็วสูงจึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างมาก จึงได้มีการติดตั้งสปอยเลอร์แรงต้านต่ำ-แรงกดสูง หรือที่เรียกว่า เจอร์นี แฟลบ (Gurney flap) ไว้ที่ด้านหลังของตัวรถ

กระจกมองข้างได้ถูกถอดออกเพื่อลดแรงต้านอากาศ ขณะเดียวกันนั้น ก็ได้ติดตั้งกล้องมองข้างแบบดิจิทอล-เรียลไทม์ ไว้แทนที่

ดิฟฟิวเซอร์หลัง ติดตั้งเพื่อสร้างแรงดูดให้ท้ายรถติดพื้น

อุปกรณ์ภายในได้ถูกรื้ออกหมดเพื่อลดน้ำหนักบางส่วน แต่ถึงกระนั้นด้วยน้ำหนักของเครื่องยนต์และชุดเกียร์ที่เพิ่มขึ้นมา ก็ไม่ได้ทำให้อสุรกายคันนี้ มีน้ำหนักเบาลงแต่อย่างใด โดย Land Cruiser เดิมๆ จากโรงงานนั้น มีน้ำหนักมากถึง 6,000-ปอนด์ (2.72-ตัน) และ Land Cruiser ที่ได้รับการโมดิฟายแบบเต็มพิกัดคันนี้ มีน้ำหนักอยู่ที่ 5,960-ปอนด์ (2.69-ตัน) เรียกได้ว่า...แทบจะไม่ได้เบาลงไปเลยสักกะนิด

อย่างไรก็ตาม การลดน้ำหนัก ก็ไม่ได้ถือเป็นเรื่องใหญ่แต่อย่างใด เนื่องจากว่า ทางทีมงานต้องการให้ Land Cruiser มีน้ำหนักที่ ไม่เบาจนเกินไป เพื่อช่วยในเรื่องของการยึดเกาะของยาง รวมไปถึงความเสถียรที่การขับความเร็วสูงอีกด้วย เพราะฉะนั้น ยิ่งหนัก...ก็ยิ่งดี

การทำลายสถิติถูกจัดขึ้นที่สนามบิน North American นักขับผู้คุมบังเหียน Land Cruiser คันนี้ คือ Carl Edwards นักแข่งรถ NASCAR มืออาชีพ และเอสยูวีตระกูลสามห่วงคันนี้ ก็ไม่ได้ทำให้ทีมงาน Toyota ผิดหวัง เมื่อมันสามารถวิ่งทะลุกำแพงความเร็วอย่างเสถียร และจารึกสถิติใหม่ไว้ที่ 230.02-ไมล์ต่อชั่วโมง (370.18-กิโลเมตรต่อชั่วโมง)

และนี่ก็คือเรื่องราวที่น่าทึ่งของ Land Cruiser ที่ได้รับการโมดิฟายเพื่อทำภารกิจระดับโลก หวังว่าท่านผู้อ่านจะสนุกกับบทความนะครับ และท่านผู้อ่านสามารถติดตาม ข่าวสารยานยนต์หรือ บทความอื่นๆได้ที่ แฟนเพจ Joh's Autolifeได้เลยครับผม

ภาพและข้อมูลจากwww.topgear.com

Get Connected | ติดต่อกับพวกเราได้ที่...