บทความนี้ สนับสนุนโดย – ร้านล้อและยาง WTF : Wheel, Tyre and Fitment

ปกติแล้ว ยางรถยนต์ที่เราใช้งานกันอยู่ทุกวันนี้ จะสึกหรอไปตามอายุการใช้งาน ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว หน้ายางจะต้องสึกหรออย่างเท่ากันทั่วทั้งพื้นผิว อย่างไรก็ตาม อัตราการสึกหรอนั้น จะขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งาน รวมไปถึงสไตล์การขับขี่ก็มีผลกับการสึกหรอเช่นเดียวกันครับ ถ้าเราใช้งานรถยนต์บนถนนที่ไม่เรียบเป็นประจำ หรือมีสไตล์การขับขี่ที่รุนแรง ยกตัวอย่างเช่น การเร่งออกตัวแบบเร็วๆ การเบรกแบบหนักๆ หรือการขับขี่แบบปาดไป-ปาดมา ซึ่งสภาวะการใช้งานและสไตล์การขับขี่ในลักษณะนี้ จะมีผลให้อัตราการสึกหรอเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน

นอกจากนั้นแล้ว ยังมีอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ยางรถยนต์เกิดการสึกหรอเร็วกว่าปกติ นั่นก็คือ การสึกหรออันเนื่องมาจากความผิดปกติของช่วงล่างและยาง โดยการสึกหรอประเภทนี้ จะเกิดจากการที่ช่วงล่างของเราถูกเซ็ทอัพมาผิดจากค่าที่ควรจะเป็น นอกจากนั้นแล้ว ยังรวมไปถึงความดันลมยาง ที่มีค่าไม่เหมาะสม ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้ เป็นสาเหตุที่ทำให้หน้ายากเกิดการสึกหรออย่างรวดเร็ว

 

คำถามก็คือว่า...

เราจะทราบได้อย่างไร ว่าช่วงล่างและลมยางของเรา...อยู่ในค่าที่เหมาะสมแล้ว?

อย่างแรกเลยนั้น เราสามารถสังเกตได้จากการขับขี่ ถ้าหากว่ารถเริ่มมีอาการกินขวาแบบแปลกๆ ดึงซ้ายแบบชอบกลๆ หรือมีอาการสั่นที่ความเร็วหนึ่งๆ ให้พึงระลึกไว้เลยว่า เริ่มมีอาการผิดปกติเกิดขึ้นกับยางและช่วงล่างแล้ว ควรหาสาเหตุและแก้ไขให้เร็วที่สุด เพราะถ้าทนขับต่อไปแบบนั้น สิ่งที่ต้องสังเวยให้กับความเพิกเฉยของเราก็คือ ‘ยาง’ นั่นเองครับ เมื่อใดที่ช่วงล่างมีความผิดปกติ หน้ายางจะมีอัตราการสึกหรอที่เพิ่มขึ้นทันที และถ้าเราละเลยทีจะแก้ไขแล้วล่ะก็ แทนที่จะเสียตังค่าซ่อมช่วงล่างเพียงอย่างเดียว จะกลายเป็นว่าต้องเสียตังจ่ายเงินซื้อยางคู่ใหม่อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ในบางครั้ง ความผิดปกติแบบที่ผมได้กล่าวมา ก็ไม่อาจรู้สึกได้จากการขับขี่โดยตรง อย่างไรก็ตาม เราสามารถตรวจสอบความผิดปกติของช่วงล่างและยางได้ โดย การสังเกตรูปแบบการสึกหรอของหน้ายาง

การสังเกตการสึกหรอของหน้ายาง ถือเป็นวิธีที่ช่วยบ่งบอกความผิดปกติของช่วงล่างได้ (รวมไปถึงความผิดปกติของยางได้) ซึ่งจะทำให้เราทราบถึงปัญหาเบื้องต้น และสามารถทำการแก้ไขได้ถูกจุด ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมและการบำรุงรักษาได้อีกพอสมควรเลยครับ

สำหรับวันนี้ เราจะไปศึกษารูปแบบการสึกหรอของยาง รวมไปถึงสาเหตุ-ต้นตอของการสึกหรอ จะมีรูปแบบไหนบ้าง ลองไปชมกันเลยครับ

โดยปกติ การสึกหรอของยางจะเกิดจาก 2 ปัจจัย ซึ่งได้แก่ 1. สึกหรอเพราะความดันลมยางไม่เหมาะสม 2. สึกหรอจากช่วงล่างเพี้ยน

1. การสึกหรอของหน้ายาง เนื่องจากการความดันลมยางที่ไม่เหมาะสม

1.1 การสึกหรอจากการเติมลมยางอ่อนเกินไป

โดยปกติแล้ว ค่าลมยางที่เหมาะสมนั้น ได้ถูกระบุไว้คู่มือการใช้รถเป็นที่เรียบร้อย ถ้าหากว่าเราเติมลมยางอ่อนกว่าค่าที่กำหนดไว้มากๆ ก็จะส่งผลให้ หน้ายางไม่สามารถสัมผัสกับพื้นถนนได้อย่างเต็มที่ หากแต่เป็นแก้มยาง (Tire Side Wall) ที่กลายมาเป็นตัวรับภาระของน้ำหนักรถ แก้มยางทั้งฝั่งนอกและฝั่งใน จะถูกกดลงพื้นถนนโดยปริยาย

เมื่อแก้มยางกลางมาเป็นตัวรับน้ำหนักรถแล้ว การสึกหรอก็จะเกิดขึ้นกับหน้ายางส่วนนอกทั้งสองข้าง และถ้าหากว่าเราสังเกตว่า หน้ายางของเรามีรูปแบบการสึกหรอในลักษณะนี้ แล้วก็ควรเติมลมยางเพิ่มเข้าไป ให้ตรงตามค่าแนะนำที่ผู้ผลิตรถยนต์ได้ระบุไว้ แต่ก็ไม่ควรเติมให้มากเกินไป เพราะจะทำให้เกิดการสึกหรอในรูปแบบต่อไปที่ผมกำลังจะพูดถึง

 

1.2 การสึกหรอจากการเติมลมยางมากเกินไป

ถ้าหากว่าเราเติมลมยางมากเกินไป จะส่งผลให้หน้ายางมีความโค้งนูนมากกว่าปกติ พื้นที่สัมผัสระหว่างยางกับถนนจึงมีเพียงแต่พื้นที่ส่วนกลางของหน้ายางเท่านั้น เป็นผลให้ หน้ายางเกิดการสึกหรอแบบไม่เต็มหน้า หรือสึกแต่ตรงกลางนั่นเองครับ

เพราะฉะนั้นแล้ว ความเชื่อที่หลายๆ คนพูดกันว่า ต้องเติมลมยางให้แข็งๆ จะช่วยประหยัดน้ำมัน ...ก็จริงอยู่ครับ แต่ว่า...ค่าน้ำมันที่เราประหยัดได้ ต้องแลกมากับอัตราการสึกหรอของหน้ายางที่เร็วขึ้น ...มันจะคุ้มไหมนะ? ต้องลองพิจารณากันใหม่แล้วล่ะครับ

ถ้าท่านผู้อ่าน ได้อ่านมาจนถึงย่อหน้านี้ ก็คงพอจะทราบแล้วนะครับว่า ลมยางมีผลต่อช่วงล่างและสมรรถนะการขับขี่ขนาดไหน และเพื่อเป็นการรักษาลมยางให้อยู่ในค่าที่เหมาะสม เราควรตรวจเช็คลมยางอย่างน้อยอาทิตย์ละหนึ่งครั้งครับ แต่สำหรับรถท่านใดที่เติมลมยางไนโตรเจน ควรตรวจเช็คอย่างน้อย เดือนละครั้งครับผม

2. การสึกหรอของหน้ายาง เนื่องจากความผิดปกติของช่วงล่าง

2.1 การสึกหรอที่เกิดจากมุมแคมเบอร์มากเกินไป

ก่อนอื่นเลย เราต้องมาอธิบายมุมแคมเบอร์กันสักหน่อยนะครับ มุมแคมเบอร์หมายถึงมุมที่วัดระหว่างแนวเส้นศูนย์กลางยาง (แนวตั้ง) กับเส้นตั้งฉากของถนน ถ้าหากมุมดังกล่าวมีค่าเป็นศูนย์แล้ว เราจะเรียกการเซ็ทอัพนี้ว่า Zero Camber หรือแคมเบอร์เป็นศูนย์นั่นเองครับ

แต่ถ้าหากว่าล้อมีการทำมุมกับเส้นตั้งฉาก โดยที่ด้านบนของยางเอียงออกจากบอดี้ของตัวรถ เราจะเรียกว่า Positive Camber (แคมเบอร์เป็นบวก) และในทางตรงกันข้าม ถ้าหากว่าด้านล่างของยางเอียงออกจากบอดี้ของตัวรถ เราจะเรียกว่า Negative Camber (แคมเบอร์เป็นลบ)

แคมเบอร์เป็นบวก

 

แคมเบอร์เป็นลบ

ปกติแล้ว รถยนต์ใช้งานโดยทั่วไป จะเซ็ทอัพแคมเบอร์ให้เป็นศูนย์ หรืออาจจะเป็นค่าลบนิดๆ ซึ่งถ้าหากว่ารถของเรา ไม่ได้มีการตั้งศูนย์อย่างเป็นประจำ รวมไปถึงตั้งศูนย์มาอย่างไม่ถูกต้อง จะเป็นผลให้หน้ายางเกิดการสึกหรอแบบผิดปกติ โดยยางจะสึกแบบไม่สมมาตร หรือสึกเพียงแค่ฝั่งเดียวเท่านั้น

การสึกหรอจากการตั้งแคมเบอร์เป็น 'ลบมากเกิน'

ถ้าหากว่า รถของเรามีการเซ็ทอัพแคมเบอร์ที่มีค่า ‘บวกมากเกิน’ จะทำให้ยางฝั่งนอกสึกหรอเร็วกว่าปกติ ในทางตรงกันข้าม ถ้าหากว่า เราเซ็ทอัพแคมเบอร์ให้มีค่า ‘ลบมากเกิน’ จะทำให้ยางฝั่งในสึกหรอเร็วกว่าปกตินั่นเอง ซึ่งเราสามารถแก้ไขได้โดยนำรถกลับไปตั้งศูนย์ที่ศูนย์บริการ หรือร้านช่วงล่างที่เชื่อถือได้

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ การเซ็ทอัพมุมล้อได้ที่บทความเรื่อง – พื้นฐานการเซ็ทอัพช่วงล่าง (ตอนที่ 1) - ว่าด้วยเรื่องมุมล้อ

 

2.2 การสึกหรอที่เกิดจากมุมโทมากเกินไป

มุมโท หมายถึงมุมที่วัดระหว่างแนวเส้นศูนย์กลางยาง (แนวตั้ง) กับทิศทางที่รถจะเคลื่อนที่นั่นเองครับ สำหรับมุมโทก็จะสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภทเช่นเดียวกับมุมแคมเบอร์ นั่นก็คือ Toe-in, Toe-out และ Zero Toe (มุมโทเป็นศูนย์)

โท-เอาท์

 

โท-อิน

สาเหตุของมุมโทที่ผิดเพี้ยนไปจากสเปคก็ได้ก็ เราไม่ได้ตั้งศูนย์เป็นประจำนั่นเองครับ (หรือช่วงตั้งค่าให้แบบผิดๆ) เมื่อมุมโทมีค่ามากเกินนั้น นอกจากจะส่งผลที่ไม่ดีต่อการตอบสนองของตัวรถแล้ว ยังทำให้หน้ายางเกิดการสึกหรอเร็วกว่าปกติอีกด้วย โดยการสึกหรอประเภทนี้ หน้ายางจะสึกเป็นบั้งๆ หรือเรียบไม่เท่ากันนั่นเอง

นอกจากการสึกหรอในลักษณะนี้ จะเกิดขึ้นเมื่อมุมโทมีค่าผิดเพี้ยนแล้ว การขับขี่แบบเข้าโค้งความเร็วสูงเป็นประจำ หรือการขับขี่แบบปาดไป-ปาดมา ก็มีผลให้หน้ายางเกิดการสึกหรอในลักษณะนี้ด้วยครับ

 

2.3 การสึกหรอเนื่องจากโช๊คอัพเสียหาย

ปกติแล้ว สปริงจะเป็นตัวรับแรงกระแทกจากถนน ส่วนโช๊คอัพ หรือ ช๊อคอัพ นั้น จะทำหน้าที่ ‘หน่วง’ ให้ยางกลับมาสัมผัสกับพื้นถนนเร็วที่สุด ถ้าหากว่าโช๊คอัพเกิดการรั่วซึมหรือเสียหาย จะส่งผลให้ล้อและยางเกิดการกระเด้งอย่างต่อเนื่อง จนทำให้หน้ายางเกิดการสึกหรอแบบเป็นวงๆ

การสึกหรอเนื่องจากโช๊คอัพพังนี้ จะทำให้หน้ายางสึกหรอมากที่สุดในทุกรูปแบบที่ผมกล่าวมา เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าหากสังเกตเห็นว่าโช๊คอัพมีการรั่วซึม หรือรถมีการกระเด้งผิดปกติ ให้รีบหาร้านซ่อมโช๊คอัพ เพราะถ้าฝืนขับไปนานๆ อาจได้เสียเงินเปลี่ยนยางอีกคู่หนึ่งก็ได้นะครับ

และนี่ก็คือรูปแบบการสึกหรอของหน้ายางที่เกิดจากช่วงล่างและความดันลมยางที่ไม่พอดี ถ้าท่านผู้อ่านได้อ่านจนจบแล้ว ก็อย่าลืมแวะไปเช็คหน้ายางของรถตัวเองด้วยนะครับ ถ้าสึกหรอแบบไหน ก็หาสาเหตุและก็รีบแก้ไขโดยเร็ว เพราะหน้ายางที่สึกหรอรูปแบบผิดปกตินั้น หมายความ ยางของเราไม่สามารถสร้างแรงยึดเกาะได้อย่างเต็มที่ ส่งโดยตรงต่อสมรรถนะการขับขี่ และความปลอดภัย อย่าละเลยกับเรื่องเล็กๆ พวกนี้เลยครับ เพราะบางที...มันอาจจะนำมาซึ่งความโชคร้ายครั้งใหญ่ก็ได้...

บทความนี้ สนับสนุนโดย – ร้านล้อและยาง WTF : Wheel, Tyre and Fitment

 

ร้านล้อและยาง WTF : Wheel, Tyre and Fitment

จำหน่าย ล้อ, ยาง และช่วงล่างรถยนต์

พร้อมให้คำแนะนำการปรับแต่งอย่างมืออาชีพ

ติดต่อ: 083-030-4867, 089-949-7973

ติดตามโปรโมชั่นของทางร้านได้ที่ FanPage Wheel&Tyre Fitment

 

Get Connected | ติดต่อกับพวกเราได้ที่...